นิทานพลิกชีวิต : รอยยิ้มจากใจ
มีเศรษฐีใกล้ตายคนหนึ่งเมื่อยมทูตมารับวิญญาณเขาก็ถามว่าเขาจะได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหม ยมทูตก็ตอบว่า ลงนรกสิจะขึ้นสวรรค์ได้อย่างไร เศรษฐีก็แย้งว่า ข้าทำบุญสร้างวัด บริจาคเงินมาโดยตลอดจะตกนรกได้อย่างไร ยมทูตก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะให้เวลาเศรษฐี 7 วัน ถ้าภายใน 7 วันนี้เขาสามารถหารอยยิ้มจากใจมาได้ 3 คนเขาจะได้ขึ้นสวรรค์
เศรษฐีก็คิดว่าจะไปยากอะไร คนใกล้ตัวเขามีตั้งเยอะที่พร้อมจะให้รอยยิ้มกับเขา คิดได้ดังนั้นเขาก็ให้เงินทอง เพชรพลอยต่างๆกับภรรยาเขา เมื่อภรรยาเขาได้รับสิ่งเหล่านี้ก็ดีใจแต่ยมทูตก็บอกว่ามันแค่อาการดีใจ ไม่ใช่รอยยิ้มจากใจ เศรษฐีก็ไม่รู้จะทำอย่างไรผ่านไป 3 วันแล้วก็ยังไม่ได้รอยยิ้มจากใจจากใครเลย
เช้าอีกวันเขาจึงเดินเข้าครัวแล้วทำอาหารง่ายๆมาให้ภรรยาเขากิน เมื่อภรรยาเขากินคำแรกน้ำตาแห่งความปิติก็ไหลออกมา
ภรรยาเขาบอกว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยทำอาหารแบบนี้ให้กิน เศรษฐีก็สังเกตเห็นรอยยิ้มที่ภรรยาเขายิ้มออกมาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งหน้าทำผมอะไรเลย แต่เป็นรอยยิ้มที่สวยงามมาก
ยมทูตก็ปรากฎตัวบอกว่าดีใจกับเจ้าด้วยนะที่ได้รอยยิ้มจากใจแรกแล้ว ทำให้เศรษฐีเข้าใจว่าแค่ "ความใส่ใจ" สิ่งเล็กๆเหล่านี้ก็สร้างความสุขได้แล้ว
เมื่อเขามาทำงานที่บริษัทก็เลยเรียกเลขาคนสนิทมา แล้วบอกว่าจะยกหุ้นส่วนหนึ่งให้ เลขาคนนั้นก็ได้แสดงความดีใจออกมา แต่ไม่ใช่รอยยิ้มจากใจ เขาก็เลยบอกว่าจะให้ตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกับเลขาพร้อมครอบครัวเขา พอเลขาเขาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความปิติ แล้วบอกว่านานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใส่ใจครอบครัวเขา สรุปเศรษฐีได้รอยยิ้มที่ 2 แล้ว
แต่ยังคงเหลืออีก 1 รอยยิ้มที่เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วที่จะครบ 7 วัน เขาก็เลยออกมาจากบริษัทแล้วเดินขึ้นรถเมล์ไปโดยไม่มีคนขับรถเหมือนเช่นเคย เขาเดินเข้าไปในซอยเรื่อยๆ และคิดว่าไหนๆก็ต้องตายแล้วก็ขอใช้ชีวิตที่เหลือแบบไม่ต้องรีบเร่งกังวลอะไรอีก เขาเดินไปเจอเด็กคนหนึ่งกำลังร้องไห้เพราะหลงทางกับพ่อแม่ เขาจึงพาเด็กคนนั้นไปแจ้งความแล้วตามหาพ่อแม่เด็ก สักพักพ่อแม่เด็กก็มา เด็กและพ่อแม่ต่างก็ดีใจที่ได้พบกัน เศรษฐีก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วยก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
เวลานั้นเองยมทูตก็ปรากฎตัวออกมาแล้วก็บอกเขาว่า เขาได้รอยยิ้มจากใจครบ 3 คนแล้วไม่ต้องตกนรกแล้ว เศรษฐีก็เข้าใจในทันทีว่ารอยยิ้มที่ 3 มาจากตัวเขานั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งๆน้อยๆ และเรียบง่ายของเราในแต่ละวัน แล้วเอาความสุขทั้งหมดของเราไปฝากไว้กับความสำเร็จในอนาคตที่เราต้องการ
อย่าเอาเป้าหมายในอนาคตมาเป็นตัวบดบังความสุขในปัจจุบันของเราเลย แต่จงใช้สิ่งที่เรามีเป็นพื้นฐานในการสร้างไปหาสิ่งที่เราต้องการ จงเดินไปหาความสุขในอนาคตจากเส้นทางความสุขที่เรามีในปัจจุบัน